ภาพจำจากงานพุทธศิลป์ร่วมสมัย ชุดฮูปแต้ม และจิตรกรรมฝาผนัง ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านนาบอน อ.เมือง จ.เลย โดย อิทธิพล พัฒรชนม์ และครอบครัวตั้งใจถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าและบรมครูช่างอีสานผู้ล่วงลับ ได้ส่องสะท้อนศิลปะแห่งความศรัทธาเพื่อบูชาครู และเชิดชูคุณค่าวัฒนธรรมในวิถีถิ่นอันงดงามแบบไทยประเพณี เป็นที่มาสู่นิทรรศการครั้งใหม่ที่จัดแสดงร่วมกับ อาจารย์สิขเรศ ศิริไพบูลย์ อดีตอาจารย์วิทยาลัยช่างศิลป กรมศิลปากร ในช่วงเดือนธันวาคม 2567

อิทธิพล พัฒรชนม์ เปิดเผยว่า เอกลักษณ์ในงานจิตรกรรมที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นไทย ได้รับอิทธิพลจากภาพจำในวัยเด็ก และเติบโตขึ้นในระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ภายใต้ร่มเงาของพุทธศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรม และแรงบันดาลใจจากอาจารย์ชลูด นิ่มเสมอ ครูผู้ประสิทธิ์ ประสาทวิชา ทำให้ผมก้าวสู่การทำงานศิลปะอย่างเต็มตัว นับตั้งแต่ได้รับรางวัลเหรียญทองจิตรกรรมบัวหลวง ครั้งที่ 36 ประเภทจิตรกรรมไทยแบบประเพณี เป็นต้นมา
สำหรับแนวความคิดในการสร้างงานที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ เป็นการนำเสนอเรื่องของ วิถีชีวิตการอยู่รวมกันของคน สัตว์สิ่งของ ทั้งในแบบรูปธรรมและอุดมคติ จนเป็นความคุ้นเคย ในรูป แบบจิตรกรรมไทยร่วมสมัย ด้วยเทคนิคสีอะคริลิกทองคำเปลวบนผ้าใบ ตัวอย่างเช่น ภาพที่ผมเขียนถึงเรื่องราวของภรรยาและลูกสาว คุณป่านทิพย์ และใบปอ นางสาวภัทรานิษฐ์ พัฒรชนม์ ในรูปแบบจิตรกรรม ตามความรู้สึกของตัวเอง ตัวอย่างเช่นผลงาน “ป่าน” นำเสนอเรื่องราวของการอยู่รวมกันอย่างกลมกลืน ซึ่งผมได้นำผลงานชิ้นนี้มาทำเป็นสติกเกอร์เพื่อนำไปติดไว้ทั่วทั้งเวนิส โรม และฟลอเรนส์ ในประเทศอิตาลี ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวและศึกษาดูงานศิลปะ โดยหวังว่า ผลงานเล็กๆ ชิ้นนี้จะกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของมหานครแห่งศิลปะ
สำหรับนิทรรศการครั้งนี้ แม้ว่าผมและอาจารย์สิขเรศ จะรู้จักกัน ตั้งแต่สมัยเรียนนานนับสิบปี แต่ก็นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสแสดงผลงานร่วมกัน ด้วยความลงตัวทั้งในเรื่องของรูปแบบ วิธีคิดและเทคนิคต่างๆ ที่มีความกลมกลืนกัน ผมปรารถนาให้งานศิลปะของเราทำหน้าที่เป็นสะพานทอดข้ามไปสู่ผู้ชมในทุกๆ รุ่นได้สัมผัสวิธีคิด และการสร้างงานของผมและอาจารย์สิขเรศ ที่เรียงร้อยเรื่องราวจากวิถีชีวิต วัฒนธรรมและประเพณีจากอดีตให้มาบรรจบกับห้วงเวลาปัจจุบัน เพื่อส่งต่อไปยังอนาคตต่อไป
ด้าน สิขเรศ ศิริไพบูลย์ อดีตอาจารย์วิทยาลัยช่างศิลป กรมศิลปากร ที่ก้าวสู่อาชีพศิลปินอิสระอย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 2563 เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจครั้งสำคัญที่จุดประกายความรักในศิลปะ เริ่มจากการได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 ในการประกวดผลงานศิลปะระดับมัธยมต้น จากประเทศสิงคโปร์ ก่อนจะเข้าศึกษาที่วิทยาลัยช่างศิลป และได้รางวัลตัวแทนเยาวชนอาเชียนไปประกวดที่ประเทศบรูไน ดารุสซาลัม ต่อมาได้เข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะจิตรกรรมฯ ในช่วงที่เรียนอยู่ปี 4 เริ่มมีความชัดเจนในการทำงานศิลปะและได้เดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์และจัดแสดงงานในต่างประเทศหลายแห่ง เช่น ประเทศนอร์เวย และญี่ปุุน หลังจากนั้นจึงกลับมาเป็นอาจารย์พิเศษที่วิทยาลัยช่างศิลป 2 ปี และบรรจุเข้ารับราชการ
แนวทางการทำงานในช่วงแรก เป็นงานภาพพิมพ์ ต่อมารับหน้าที่สอนองค์ประกอบศิลป และวาดเส้น จึงเปลี่ยนแนวทางมาเป็นจิตรกรรม นามธรรม (Abstract Art) ลักษณะของงานเน้นเป็นการสื่อสารเรื่องราวของธรรมชาติด้วยรูปทรงง่ายๆ ใช้สีง่ายๆ แบบตรงไปตรงมา โดยใช้พู่กันขีดและแต้มให้เป็นเส้นๆ หรือจุดๆ ซ้ำๆ ไปมาจนกระทั่งจุดและเส้นเหล่านั้นเชื่อมต่อกันจนกลายเป็นภาพตามจินตนาการของผม หากสังเกตดีๆ จะพบว่าในงานของผมมักจะมีลักษณะของดวงตาปรากฏอยู่ในภาพเสมอราวกับการเฝ้ามองดูชีวิตและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นท่ามกลางความสงบที่อยู่ในโลกภายใน นิทรรศการนี้เป็นครั้งแรกที่ได้แสดงงานร่วมกับ อาจารย์ อิทธิพล เราตั้งใจที่จะส่งต่อมุมมองความงามอันเกิดจากคุณค่าในงานศิลปะและวัฒนธรรมเหล่านี้ เป็นขวัญปีใหม่ให้แก่เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้ที่รักในศิลปะที่ได้มาเยี่ยมชมนิทรรศการครั้งนี้
นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 – 24 มกราคม 2568 ณ CENTRAL : THE ORIGINAL STORE เจริญกรุง บางรัก กรุงเทพมหานคร
#ฮูปแต้ม #จิตรกรรม #จิตรกรรมประเพณี #พุทธศิลป์ #พุทธศิลป์ร่วมสมัย









